การเตรียมตัวก่อนพบหมอ

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552


เป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราส่วนของแพทย์กับคนเจ็บป่วยในประเทศไทยนั้นไม่สมดุลกันอย่างมาก ทำให้เฉลี่ยแพทย์มีเวลารักษาคนไข้คนละประมาณไม่กี่นาที... เพื่อบริหารเวลาอันจำกัดที่ได้พบหมอให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเรามีวิธีเตรียมพร้อมมากฝากดังนี้

1. บอกอาการให้คุณหมอฟังอย่างละเอียด
ไม่ใช่การคาดเดาหรือวินิจฉัยอาการตนเองให้คุณหมอฟัง ซึ่งอาจจะทำให้คุณหมอสับสน ส่วนคนที่ปรึกษาคุณหมอเพื่อขอความเห็นที่สอง คุณจำเป็นต้องเล่าอาการหรือความผิดปกติตั้งแต่แรกให้คุณหมอฟังอย่างละเอียดเช่นกัน

2. ซื่อสัตย์ต่อตนเองและคุณหมอ
ถึงคราวต้องยอมรับความจริงว่าคุณกำลังไม่สบาย ดังนั้นข้อมูลใดที่มีประโยชน์ต่อการรักษาก็ควรบอกให้หมดเพราะนั่นอาจเป็นตัวช่วยในการรักษาที่ถูกต้องและตรงจุดมากขึ้น

3. คนในครอบครัว-เพื่อนรอบกาย ที่พึ่งยามยาก
หาคุณต้องการที่ปรึกษา คุณสามารถพาคนในครอบครัวหรือเพื่อนเข้าไปช่วยฟังอีกแรง

4. พกผลการตรวจไปด้วยเสมอ
หากคุณมีผลตรวจจากห้องแล็ป ฟิล์มเอกซเรย์ CT Scan MRI ฯลฯ ที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาให้นำติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เพื่อคุณหมอจะวินิจฉัยได้ทันที จะได้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจซ้ำอีกครั้ง ในกรณีที่ต้องย้ายการรักษาไปโรงพยาบาลอื่น ก็ควรขอถ่ายสำเนาแฟ้มประวัติเก็บไว้

5. ฝึกจำชื่อสามัญทางยา
คนจำนวนมากไม่รู้จักชื่อสามัญทางยาที่ตนเองกิน ทำให้เกิดความสับสนการจ่ายยามาก ดังนั้นเพื่อสุขภาพของตนเองคุณควรจำชื่อสามัญทางยา ขนาดยาและความถี่ของยาที่กินอยู่ หรือพกซองยานั้นติดตัวไปด้วยทุกครั้ง และที่สำคัญอย่าลืมจดบันทึกยาที่แพ้และแจ้งหมอด้วยทุกครั้ง

6. จดทุกคำถามที่อยากรู้
ระหว่างรอนัดพบแพทย์ ให้คุณจดทุกคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับโรคหรืออาการที่สงสัยในสมุดบันทึก เพื่อให้คุณหมอแนะนำและให้ความรู้ในการป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง

คำแนะนำเบื้องต้นเป็นการเตรียมพร้อมตนเอง จะช่วยให้ประหยัดเวลาของแพทย์และเสริมสุขภาพของตนเองได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว
อ่านต่อ... “ การเตรียมตัวก่อนพบหมอ ”

แพทย์ผิวหนังเตือน...ระวังกระแสคลั่งยาและเทคนิคปรับลีลาชีวิต

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552


จากกระแสของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่อยากมีผิวใสและ ไรริ้วรวยเหี่ยวย่น จนเกิดการทดลองผลิตภัณฑ์และเทคนิคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมกาอาหารและยาแพทย์โรคผิวหนัง ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมมาธิการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าการมีผิวขาวจัดนั้นไม่เหมาะกับคนไทยที่อยู่ในภูมิอากาศที่มีแสงแดดจัดทั้งปี เนื่องจากเม็ดสีใต้ผิวหนังจะทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดตามธรรมชาติ ทั้งนี้คนผิวขาวจะมีเม็ดสีขนาดเล็กทำให้ได้รับผลเสียจากแสงแดดมากกว่า ซึ่งผลเสียที่เกิดทันที ได้แก่ ผิวไหม้แดด ผิวคล้ำลงโรคเอสแอลอีที่มีอาการปวดข้อและมีผื่นแดงรูปปีกผีเสื้อที่แก้ม สิว เริม ฝ้า-กระเข้มขึ้น ผลเสียระยะยาวคือ ผิวเหี่ยวแก่ และมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นสีผิวตามธรรมชาติผิวของคนไทยจึงสวยและเหมาะสมกับการดำรงชีวิต ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตนเองให้สวย-หล่อตามกระแส J-Pop หรือ K-Pop

นอกจากนี้ นพ.ประวิตร ยังพบว่าปัจจุบันมีการใช้ยาและเทคนิคปรับลีลาชีวิตค่อนข้างมาก (lifestyle drugs) เช่น ยาปลูกผม ยาลดไขมัน ยาทำให้ผิวขาว ยาฉีดลบรอยย่น (สารพิษ โบทูลินัม) ซึ่งบางคนคลั่งอยากรับการฉีดสารพิษโบทูลินั่ม (Botulinophilia) เนื่องจากการเกิดความผิดปกติทางจิตใจที่เรียกว่า Body dysmorphic disorder โดยจะกังวลว่าตนเองมีความผิดปกติของผิวหนัง หรืออวัยวะไม่ได้สัดส่วน บางคนกังวลเรื่องผมบาง ขนดก รูขุมขนโต ผิวไม่ขาว หน้าเหี่ยวย่น ฯลฯ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ พบอาการซึมเศร้ารุนแรงบ่อยและมีแนวโ้น้มจะฆ่าตัวตายสูง

ดังนั้นแพทย์จึงต้องวินิจฉัยผู้ป่วยที่คลั่งการใช้ยาและเทคนิคลีลาชีวิตให้ได้เร็วที่สุด ห้ามให้การรักษาโดยพลการจ่ายยา ผ่าตัด หรือใช้เทคนิคการเสริมความงามอื่นๆ เพราะจะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าตนเองมีความผิดปกติทางรูปลักษณ์จริง และขาดโอกาสในการได้รับการเยียวยาทางจิตใจ

พูดง่ายๆ ว่าทั้งแพทย์และคนรับการรักษาต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขัน ปัญหาเหล่านี้จะได้ลดลงจากสังคมไทย

บทความ Health Today Thailand
อ่านต่อ... “ แพทย์ผิวหนังเตือน...ระวังกระแสคลั่งยาและเทคนิคปรับลีลาชีวิต ”

เพิ่มความอึด ระหว่างออกกำลังกายด้วยมิวสิค



คนที่ชอบใส่หูฟังขณะเดินหรือวิ่งออกกำลังกายตามฟิตเนส หรือสวนสาธารณะอาจะไม่ได้ประโยชน์ทำให้เพลินหรืออารมณ์อย่างเดียว เพราะล่าสุดมีงานวิจัยจากมหาลัย Brunel ที่ประเทศอังกฤษ พบว่าการฟังเพลงที่ชื่นชอบประเภทใดประเภทหนึ่งขณะออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ร่างกายทนทานต่อความเหนื่อยได้มากขึ้น 15%! ดังนั้นใครที่เริ่มออกกำลังกาย หรือคิดอยากเพิ่มความทนทานในการออกำลัง ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดู
อ่านต่อ... “ เพิ่มความอึด ระหว่างออกกำลังกายด้วยมิวสิค ”

อับเดทสถานการณ์สูบบุหรี่ในประเทศไทย

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552


วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็น "วันงดบุหรี่โลก" เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มคนสูบบุหรี่ และคนที่กำลังเลิกสูบบุหรี่ เห็นผลเสียของการสูบบุหรี่พร้อมกับส่งเสริมให้เลิกพกซองบุหรี่คู่ไฟแช็กอย่างเด็ดขาด และเพื่อให้เห็นสถานการณ์สูบบุหรี่ในประเทศไทย มีการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อควบคุมยาสูบ คณะสาธารณะสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อกระตุ้นให้คนไทยห่างไกลบุหรี่ แต่เข้าใกล้ภาวะสุขภาพดี

คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง แ่ต่เยาวชนกลับอยากลองสูบบุหรี่มากขึ้น

จากการรวบรวมและวิเคราะห์พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของประชากรไทยตั้งแต่ พ.ศ.2543-2549 พบว่าคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 11.7 ล้านคนในปี พ.ศ.2534 เหลือ 9.5 ล้านคนในปี พ.ศ.2549 เช่นเดียวกับเยาชนที่สูบบุหรี่เป็นประจำมีจำนวนลดลง แต่จำนวนเยาวชนที่สูบบุหรี่เป็นครั้งคราวกลับเพิ่มมากขึ้น เช่น กลุ่มอายุ 9-24 ปีในปี พ.ศ.2534 มีำจำนวน 166,296 เพิ่มขึ้นเป็น 237,533 คน ในปี พ.ศ.2549!

ควันบุหรี่มือสองภัยเงียบในบ้าน

จากการวิจัยเรื่องการได้รับควันบุหรี่มือสอง พบว่าคนที่สูบบุหรี่เคยสูบบุหรี่ในบ้านกับสมาชิกในครอบครัวมีร้อยละ 84.5 โดยเฉลี่ยครอบครัวจะมีสมาชิกอย่างน้อย 1 คนที่สูบบุหรี่มีประมาณ 7.36 ล้านครัวเรือน หมายความว่าเฉลี่ยจะมีสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับควันบุหรี่อย่างน้อยประมาณ 2 คน โดยรวมแล้วมีประชากรได้รับควันบุหรี่มือสองถึง 15.89 ล้านคน และพบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีได้รับควันบุหรี่มือสอง 5.61 ล้านคน! ทั้งนี้คนที่ได้รับควันบุหรี่มืองสองนี้มีโอกาศเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ ได้เท่ากับหรืออาจจะมากกว่าคนสูบบุหรี่เสียอีก เช่น เป็นหวัดและติดเชื้อทางระบบทางเิดินหายใจง่าย โรคภูมิแพ้ หอบหืด ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด เป็นต้น

หญิงไทยห่วงสวยงามมากกว่าสุขภาพดี

จาการสำรวจล่าสุดที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงไทย ปี พ.ศ.2551 พบว่ามีผู้หญิงสูบบุหรี่ประมาณ 5 แสนคน แม้ว่าจะมีจำนวนน้อยกว่าผู้ชายที่มีกว่า 10 ล้านคน แต่เหตุผลของการสูบบุหรี่กลับเป็นเรื่องของความสวยงามว่าทำให้มีรูปร่างผอมเพรียว! แต่หารู้ไม่ว่าก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผู้ชายโดยเฉพาะเรื่องของระบบสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ภาวะมีบุตรยาก การแท้งบุตร การทอ้งนอกมดลูก เป็นต้น และยังมีรายงานของศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติว่าจากการใ้้ห้คำปรึกษาเรื่องเลิกบุหรี่แก่นักศึกษาหญิงพบว่ามีความลังเลในการเลิกบุหรี่ และมีแนวโน้มเลิกบุหรี่ได้ยากกว่าผู้ชาย!

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับสถานการณ์ล่าสุดของการสูบบุหรี่ในบ้านเรา... แม้ว่าจำนวนคนสูบบุหรี่จะลดลง แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องเร่งแก้ไขและช่วยกันรณรงค์ต่อไป เพราะเราเชื่อว่าในอนาคตคนไทยจะมีสุขภาพที่ดีกว่านี้เมื่อห่างไกลบุหรี่ ขอเอาใจช่วยให้เลิกบุหรี่กันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข...

บทความจาก Helath Today
อ่านต่อ... “ อับเดทสถานการณ์สูบบุหรี่ในประเทศไทย ”

การเดินห้างช้อปปิ้ง บำบัดภาวะซึมเศร้าให้ผู้สูงอายุ


หลายคนอาจเบื่อบรรยากาศห้างสรรพสินค้าที่มีแต่คนเดินพลุกพล่านและส่งเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ แต่คุณรู้หรือไม่่ว่าสำหรับผู้สูงอายุบรรยากาศแบบนี้สร้างความครึกครื้น ช่วยต้านความเหงาได้อย่างดีเลยทีเดียว!

โดยข้อมูลนี้มาจากงานวิจัยของ Jenneke Foottit จาก Dementia Research and Training Centre แห่ง Queensland University of Technology ประเทศออสเตรเลีย Jenneke ได้ทำการวิจัยถึงการรับรู้ของผู้สูงอายุเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีด้วยการแจกแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างชาวควีนส์แลนด์ 263 คนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผลปรากฎว่ากิจกรรมทางสังคม ที่ส่งผลบวกต่อภาวะจิตใจและอารมณ์ และยังพบอีกว่ากิจกรรมหนึ่งที่ต้านความเหงาและลดภาวะซึมเศร้าได้ดีคือ การไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งหญิงสูงอายุเหล่านี้จะไปเพื่อพบปะและพูดคุยกับคนอื่นๆ หรือเดินออกกำัลังกายเล็กๆ น้อยๆ แม้นว่าบางคนจะมีโรคประจำตัวหรืออาการเจ็บป่วยบ้าง แต่หากไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระและทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำก็ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น

รู้แบบนี้แล้วลูกๆ หลานๆ ก็อย่ารอช้าที่จะชวนผู้สูงอายุในบ้านออกไปเที่ยว ช้อปปิ้งหรือกินข้าวนอกบ้านด้วยกันบ้าง เพื่อสุขภาพและใจที่ดี
อ่านต่อ... “ การเดินห้างช้อปปิ้ง บำบัดภาวะซึมเศร้าให้ผู้สูงอายุ ”

กลิ่นเหม็นใหม่จากผ้าม่านในห้องน้ำ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผ้าม่านในห้องน้ำมีประโยชน์ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเซ็นหกเลอะพื้นก็จริง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าผ้าม่านในห้องน้ำให้โทษและเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน โดยเฉพาะกิลิ่นเหม็นใหม่จากผ้าม่านที่ทำมาจากพีวีซี ซึ่งตอนนนี้ประเทศสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป หรือ EU ได้ประกาศเตือนประชาชนให้ระวังและหลีกเลี่ยง

เริ่มจาก Virginia-based Center for Health, Environment and Justice ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ตรวจสอบอันตรายของกลิ่นเหม็นใหม่จากผ้าม่านในห้องน้ำกลุ่มตัวอย่างที่ผลิตจากโพลีไวนิลคลอไรด์ หรือพีวีซี และพบว่ากลิ่นฉุนจากผ้าม่านนั้นปล่อยสารเคมีอันตรายกว่า 100 ชนิดสู่อากาศได้นานถึง 28 วัน ทั้งนี้สารเคมีที่ตรวจพบและเป็นอันตรายแก่สุขภาพ ได้แก่ สาร phthalates (DEHP). toluene ethylbenzene หากสูดดมนานๆ อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เวียนศรีษะ และอาจจะส่งผลทำให้หญิงตั้งครรภ์คลอดบุตรก่อนกำหนด เด็กในครรภ์มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ตับและไตทำงานผิดปกติ

ดังนั้นเพื่อสุขภาพของคนในครอบครัว คุณควรเลือกซื้อผ้าม่านในห้องน้ำที่ทำจากพลาสติกที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย หรือต้องนำมาแขวนในบริเวณที่อากาศถ่ายเทอย่างดีจนหมดกลิ่นแล้วจึงนำไปใช้ในห้องน้ำ
อ่านต่อ... “ กลิ่นเหม็นใหม่จากผ้าม่านในห้องน้ำ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ”

 
 
 

Followers

Sponsor